1 ส.ค.63 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้
#สุดยอดนักสู้ใต้กระโปรงเพื่อประชาธิปไตย
แม้นายธนาธรจะปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับม็อบนักศึกษา แต่การเคลื่อนไหวของทั้งนายธนาธรและปิยบุตรกลับไปในทิศทางเดียวกับม็อบนักศึกษา แถมพวกเขายังนำม็อบนักศึกษามาใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่ต่อรองทางการเมืองกับสังคมด้วยวาทกรรมที่ส่อไปในทางที่รุนแรงอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าทำไมข้อเรียกร้องต่างๆของม็อบนักศึกษาจึงล้วนแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองที่เป็นนักเลือกตั้งแทบทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน
การเคลื่อนไหวที่สอดรับกันอย่างเป็นระบบทั้งในและนอกสภาได้เผยให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วว่า เป้าหมายบนดินของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้นักการเมืองที่เป็นนักเลือกตั้งได้ประโยชน์ เป็นเรื่องของการแย่งชิงความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง ไม่ได้มีสาระในการสร้างคุณภาพชีวิตหรือความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน ตลอดจนนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันแต่อย่างใด
อันนี้ขอเปิดใจกันไปเลยตรงๆว่าผมเองก็มีความคิดอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกัน เพื่อให้ประเทศไทยมีความเป็นราชอาณาจักรที่สมบูรณ์และมั่นคง แต่ผมเคารพการลงประชามติของประชาชนทั้งประเทศ ดังนั้นการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้อย่างชอบธรรม ต้องอาศัยวิธีการทางประชาธิปไตยที่เหนือกว่าและเป็นที่ยอมรับของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีคู่กับใช้กฎหมู่ข่มขู่สังคมอย่างที่นายธนาธรและปิยบุตรกำลังทำอยู่
และสิ่งที่ผมให้ความสำคัญยิ่งกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็คือการสร้างประชาธิปไตยที่คณะราษฎรไม่ได้ทำ นั่นก็คือ "การทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน" เพราะคณะราษฎรได้ทำการปล้นพระราชอำนาจ ช่วงชิงอธิปไตยของปวงชนมาเป็นของตัวเอง แล้วใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจเผด็จการของตัวเองก่อกำเนิดลัทธิรัฐธรรมนูญ จนแม้ปัจจุบันอำนาจอธิปไตยก็ยังมาไม่ถึงมือของประชาชน
88 ปีผ่านไป นายธนาธรและปิยบุตรก็ยังทำตัวเหมือนคณะราษฎรที่หลอกลวงประชาชนด้วยประชาธิปไตยจอมปลอม ทำให้ผู้คนหลงเข้าใจผิดว่ารัฐธรรมนูญคือตัวประชาธิปไตย ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญเป็น “เครื่องมือของประชาธิปไตย” ไม่ใช่ “ตัวประชาธิปไตย” เพราะแม้แต่ประเทศเผด็จการบางประเทศเขาก็มีรัฐธรรมนูญใช้กัน และบางประเทศเขาก็ไม่ได้มีรัฐธรรมนูญแบบเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เขาก็เป็นประชาธิปไตยแล้วก็ไม่เคยต้องมาทะเลาะแย่งกันแก้ไขรัฐธรรมนูญวนอยู่ในวงจรอุบาทว์กันอยู่แบบนี้
นอกจากนายธนาธรกับปิยบุตรจะถือแนวทางผิดของคณะราษฎรที่เป็นลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชนแล้ว พวกเขายังไม่ได้ถือแนวทางสันติ เพราะพวกเขาฝักใฝ่และยัดเยียดความรุนแรงให้กับสังคมผ่านการเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลอยู่ตลอดเวลา สามารถเห็นได้จากวาทกรรมมากมายตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันที่ส่อไปในทางรุนแรงแทบทั้งสิ้น
ที่นายธนาธรเคยพูดเองตั้งแต่ 14 ธ.ค. 62 แล้วว่ารัฐธรรมนูญอาจจะแก้ด้วยเลือด มาจนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ชัดขึ้นแล้วว่า เลือดที่นายธนาธรหมายถึง น่าจะหมายถึงเลือดของใครที่อาจจะกลายเป็นเครื่องมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองที่เป็นนักเลือกตั้ง?
แต่ที่แน่ๆก็คงไม่ใช่เลือดของนายธนาธร เพราะนายธนาธรอยู่ในฐานะนายทุนพรรคการเมือง แถมยังเป็นชนชั้นปกครองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปากบอกว่าสู้เพื่อประชาธิปไตย อ้างความเหลื่อมล้ำ อ้างความไม่เท่าเทียมกัน ต่อต้านชนชั้นและการเอารัดเอาเปรียบในสังคม แต่แล้วสิ่งที่ธนาธรกำลังทำอยู่มันจะต่างอะไรกับการเป็นสุดยอดนักสู้ใต้กระโปรงเพื่อประชาธิปไตย?
สู้เพื่อคนอื่น หรือหลอกคนอื่นมาสู้เพื่อตัวเองกันแน่?
"เป็น" - Google News
August 01, 2020 at 08:38AM
https://ift.tt/30f5A7Y
'ดร.นิว' ชำแหละยับ 'ทอน-ปิยบุตร' ใช้ม็อบนักศึกษาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง - ไทยโพสต์
"เป็น" - Google News
https://ift.tt/3eIAhHj
Home To Blog
No comments:
Post a Comment