Pages

Thursday, July 30, 2020

กูรู เปิด 4 เหตุผลทองคำจะหมดแรง เตือนจะเป็นขาลงหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ - efinanceThai

santalimadua.blogspot.com

   บล.หยวนต้า เปิด 4 เหตุผล ที่ราคาทองคำในอีก 1 เดือนจะหมดแรง สู่ 1,850-1,800 เหรียญ แนะ  Short Hedge แล้วรอซื้อกลับ ลุ้นราคาดีดอีกรอบ ก่อนเข้าสู่ขาลงอย่างเป็นทางการหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ 

   บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ YAUNTA เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์รายวันว่า  แนวโน้มราคาทองคำช่วง 1 เดือนข้างหน้า ราคาทองคำจะพักตัวหา 1,850-1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ จาก 4 เหตุผลดังนี้ 

   (1) อุปทานจากเศษทองเก่าจะเร่งตัวขึ้น จากการนำทองคำที่เก็บไว้ออกมาขายทำกำไร ทำให้โครงสร้างตลาด Q3/63 ยังมีโอกาสเป็นอุปทานส่วนเกินต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7  หลังจาก World Gold Council  รายงานโครงสร้างตลาดทองคำ Q2/63 เป็นอุปทานส่วนเกินต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ถึง 72 ตัน

   (2) Dollar Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น จากการเร่งออกพันธบัตรของคองเกรสเพื่อระดมเงินมาใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่งผลลบกับราคาทองคำตามหลักความเสมอภาคของค่าเงิน

   (3) ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจไม่ได้เร่งขึ้นเหมือนช่วงก่อนหน้า สังเกตจากขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เริ่มลดลง – ส่งผลให้กระแสเงินส่วนเกิน (Excess Fund Flow) ที่เป็นตัวเปิด Upside ให้กับราคาทองคำในช่วงทีผ่านมา มีโอกาสชะลอตัวชั่วคราว 

   (4) ผลตอบแทน YTD สูงถึง 30% ใกล้เคียงผลตอบแทนสูงสุดรายปีในอดีตที่ 31%   แต่ถ้านับที่จุดสูงสุดของแต่ละปี ราคาทองคำสามารถขึ้นแรงได้ถึง 41% YTD นั่นหมายถึง ราคาทองคำยังมีโอกาสกระชากทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ถ้าจังหวะการพักฐานยังไม่หลุดจุดเปลี่ยนแนวโน้มแถว 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์   

   ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ Short Hedge แล้วรอซื้อกลับที่ 1,800-1,850 ดอลลาร์/ออนซ์  โดยเรายังคาดหวังราคาทองคำจะกลับทำจุดสูงสุดใหม่แถว 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์  หลังจากพักฐานรอบนี้แล้ว ก่อนจะไปจบรอบขาขึ้นอย่างเป็นทางการหลังสหรัฐฯเลือกตั้งในช่วง พ.ย.-ธ.ค. 63      

   อนึ่ง ล่าสุด World Gold Council รายงานโครงสร้างตลาดทองคำ Q2/63 เป็นอุปทานส่วนเกินต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 อีก 72 ตัน โดยอุปสงค์รวมอยู่ที่ 1,034 ตัน -15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)  ที่ลดลงมากคือความต้องการเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับ -58% YoY เหลือ 264 ตัน และแรงซื้อจากธนาคารกลาง -50% YoY เหลือ 115 ตัน
 
   ขณะที่ ความต้องการเพื่อการลงทุนผ่าน ETF +471% YoY เป็น 434 ตัน เพราะฐานปีก่อนต่ำผิดปกติ และได้แรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า ผนวกกับการใช้ทองคำเป็น Safe Haven เพื่อป้องกันความเสี่ยงช่วงวิกฤติโควิด-19 

    หากพิจารณาเป็นรายประเทศ ความต้องการทองคำจากอินเดีย -70% YoY เหลือ 64 ตัน และจีน -29% YoY เหลือ 132 ตัน ประเทศที่ซื้อเพิ่มคือ สหรัฐฯ +3% YoY อยู่ที่ 33 ตัน และเยอรมัน +140% YoY อยู่ที่ 45 ตัน  ส่วนอุปทานรวมอยู่ที่ 1,034 ตัน -15% YoY เพราะปริมาณทองคำออกมาจากเหมืองลดลง -10% YoY เหลือ 777 ตัน เนื่องจากมีการ Lockdown ปิดเหมืองในหลายประเทศ

 
 
 
 

Let's block ads! (Why?)



"เป็น" - Google News
July 31, 2020 at 09:52AM
https://ift.tt/39ItQCA

กูรู เปิด 4 เหตุผลทองคำจะหมดแรง เตือนจะเป็นขาลงหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ - efinanceThai
"เป็น" - Google News
https://ift.tt/3eIAhHj
Home To Blog

No comments:

Post a Comment