Pages

Saturday, July 4, 2020

น่าเป็นห่วง ผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐ 54% ติดจากไหน-ยังไง? ไม่รู้ตัว - ฐานเศรษฐกิจ

santalimadua.blogspot.com

ผลสำรวจของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (ซีดีซี) ล่าสุดพบว่า มากกว่าครึ่งของ ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่รู้ตัวว่าพวกเขาไปติดโรคมาจากไหน สะท้อนแนวโน้มการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้เป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งมักจะเป็นคนใกล้ชิด ผู้ร่วมงานหรือสมาชิกในครอบครัว

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อในสหรัฐ (Centers for Disease Control: CDC) เผยแพร่ ผลสำรวจล่าสุด วานนี้ (3 ก.ค.) ระบุว่า 54% ของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐยอมรับว่า พวกเขาไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าไปติดมาจากไหน หรือติดเชื้อมาได้อย่างไร ขณะที่อีก 46% สามารถจดจำได้ว่าไปใกล้ชิดคลุกคลีกับคนที่ติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันหรือไม่ก็เป็นผู้ร่วมงาน

ผลลัพธ์ที่ออกมาดังกล่าวเป็นเรื่องน่าห่วงมาก เพราะมันสะท้อนว่า ผู้คนจำนวนมากมีแนวโน้มติดเชื้อโควิด-19 ภายในสังคมสิ่งแวดล้อมของเขาจากบุคคลที่มีเชื้ออยู่ในร่างกายแต่ไม่แสดงอาการ ดร.โจชัว บาโรคัส นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดและเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอสตัน เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งที่ผู้ติดเชื้อบางคนจะไม่แสดงอาการใด และพวกเขาก็อาจจะอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่น ถ้าหากว่าชุมชนหรือสังคมใดมีคนกลุ่มนี้ (ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ)อยู่เป็นจำนวนมาก นั่นก็จะทำให้การติดตามตรวจสอบเส้นทางการติดเชื้อ (contact-tracing) ของบุคคล กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากได้มาก

ดังนั้น จึงมีข้อแนะนำดังนี้เป็นแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 คือให้คิดเสียว่า ผู้คนที่อยู่รอบตัวเรา อาจจะเป็นผู้หนึ่งที่ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ก็เป็นได้ ดร.โรเบิร์ท เรดฟีลด์ ผู้อำนวยการซีดีซี เปิดเผยว่า ประมาณ 25-45% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นพาหะนำเชื้อที่ไม่แสดงอาการ “จากประสบการณ์ของเราทำให้ประมาณการได้ว่า ในทุก ๆ 1 รายของผู้ที่ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จะมีโอกาสที่เขาจะแพร่เชื้อให้คนอื่นได้อีก 10 คนโดยยังไม่มีการรายงาน 

ด้วยเหตุดังกล่าว แพทย์จึงแนะนำให้เราปฏิบัติตัวอย่างระมัดระวังมากที่สุดไว้ก่อน ให้เหมือนกับว่าผู้คนรอบตัวอาจเป็นพาหะนำเชื้อ ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงแนะนำการสวมหน้ากากหรือผ้าปิดปากและจมูกทุกครั้งที่อยู่ในที่สาธารณะ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก หลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์กับบุคคลที่อยู่นอกครอบครัว และให้เว้นระยะห่างทางสังคมเอาไว้หากต้องพบปะกับบุคคลอื่น ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาวเตือน โควิดอาจกลายพันธุ์ แพร่เชื้อง่ายขึ้น


นอกจากนี้ ให้เก็บข้อมูลว่าในแต่ละวันว่าไปที่ไหน หรือพบเจอกับใครบ้าง เพื่อสามารถติดตามย้อนรอยเส้นทางการติดเชื้อได้ง่ายหากเกิดตรวจพบว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้าแล้ว การบันทึกดังกล่าวไม่ได้จำกัดเฉพาะในวันที่เราออกนอกบ้าน แต่แม้วันที่อยู่กับบ้าน ถ้าหากมีแขกไปใครมา หรือมีคนมาเยี่ยมเยือนที่บ้าน ก็ให้บันทึกไว้ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงคนที่เราต้องเดินทางร่วมด้วยในรถยนต์ (แต่ไม่จำเป็นต้องบันทึกสำหรับการทักทายเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือทักทายคำสองคำแล้วเดินห่างกันไป) ดร.บาโรคัส ยังแนะนำให้เราเก็บใบเสร็จของร้านค้า หรือร้านอาหารที่เข้าไปอุดหนุนด้วย (ซึ่งกรณีนี้เทียบเท่ากับการเช็คอินเว็บไซต์ไทยชนะ เสมอๆ เมื่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ) เพื่อสามารถตรวจย้อนเส้นทางของสถานที่รวมทั้งสิ่งของที่เราได้ไปสัมผัส

ดร. เอมิลี เกอร์ลีย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสาธารณสุขจอห์นส์ ฮอปกินส์ บลูมเบิร์ก ว่า การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนและสถานที่ รวมทั้งใบเสร็จ ดังกล่าวข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อ การตรวจสอบย้อนหลังเส้นทางการติดเชื้อ (contact tracing) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้สามารถระบุตัวว่ามีใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดหรือเคยอยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้ติดเชื้อ และเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยเสริมการจดจำแต่เพียงอย่างเดียวซึ่งก่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้  ทั้งนี้ เมื่อพบกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายว่าเคยใกล้ชิดหรืออยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้ติดเชื้อแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็จะสามารถติดต่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้เพื่อแจ้งว่าพวกเขามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อ

ดร.แอนโทนี ฟอซี แพทย์ใหญ่ที่ปรึกษาทำเนียบขาว ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบย้อนหลังเส้นทางการติดเชื้อ หรือที่เรียกว่า contact tracers นี้ ยังมีจำนวนไม่เพียงพอ นับเป็นบุคลากรที่ยังขาดแคลนอยู่ โดยปัจจุบันมีจำนวนเพียง 27,000- 28,000 คนทั่วประเทศ แต่ความต้องการมีถึง 100,000 คน ดร. ฟอซียอมรับว่า ในกรณีการขาดแคลนบุคลากรเช่นนี้ การนำแอปพลิเคชันตรวจสอบย้อนรอย (Contact tracing apps) มาใช้อย่างเช่นที่หลาย ๆ ประเทศทำอยู่ในเวลานี้ก็จะสามารถช่วยแบ่งเบาบรรเทาปัญหาลงได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำว่า ทางที่ดีที่สุดควรจำกัดการออกไปสัมผัสสัมพันธ์กับบุคคลอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดหรือกระจายเชื้อโควิด-19 เพราะยิ่งพบปะผู้คนน้อยลงและไปเยี่ยมเยือนสถานที่ต่าง ๆ น้อยลง ก็จะยิ่งช่วยให้การป้องกันทำได้ง่ายขึ้น  

ผลการสำรวจในครั้งนี้ซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 15 เม.ย. ถึง 24 พ.ค. ที่ผ่านมา (กลุ่มตัวอย่างที่ตอบคำถามการสำรวจครอบคลุมถึงผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 350 คนในวัยเฉลี่ย 52 ปี) ยังยืนยันให้เห็นถึงความสำคัญของกระบวนการคัดกรอง การตรวจสอบย้อนเส้นทางการติดเชื้อ และการแยกบุคคลที่ติดเชื้อออกจากคนอื่น ๆ ที่ควรจะต้องมีให้มากขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง

More than half of people with Covid-19 don’t know how they got it — here’s what that means for you


Let's block ads! (Why?)



"เป็น" - Google News
July 05, 2020 at 05:49AM
https://ift.tt/2ZHlZR6

น่าเป็นห่วง ผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐ 54% ติดจากไหน-ยังไง? ไม่รู้ตัว - ฐานเศรษฐกิจ
"เป็น" - Google News
https://ift.tt/3eIAhHj
Home To Blog

No comments:

Post a Comment