Pages

Friday, July 10, 2020

ตุรกีประกาศเปลี่ยน 'ฮาเกีย โซเฟีย' กลับไปเป็น 'มัสยิด' อีกครั้ง - ผู้จัดการออนไลน์

santalimadua.blogspot.com


รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี ประกาศวานนี้ (10 ก.ค.) ให้ ‘ฮาเกีย โซเฟีย’ พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงในนครอิสตันบูล กลายเป็นมัสยิดอีกครั้ง โดยจะเริ่มมีพิธีละหมาดภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ศาลสูงสุดตุรกีได้มีคำพิพากษาว่า การเปลี่ยนอาคารโบราณทรงโดมแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ตามคำสั่งของ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี คือการกระทำที่ผิดกฎหมาย

สหรัฐฯ รัสเซีย และบรรดาผู้นำโบสถ์ ต่างแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของ ฮาเกีย โซเฟีย ซึ่งเป็นอาคารมรดกโลกที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและมีความสำคัญมาแต่ยุคจักรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิออตโตมัน และเวลานี้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของตุรกีที่มีผู้ไปเยี่ยมเยือนมากที่สุด

กระทรวงวัฒนธรรมของกรีซวิจารณ์คำสั่งศาลตุรกีว่าเป็นการ “ท้าทายอย่างโจ่งแจ้ง” ขณะที่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) แสดงความผิดหวังที่รัฐบาลตุรกีทำอะไรไม่บอกกล่าว และประกาศทบทวนสถานะมรดกโลกของอาคารหลังนี้

ประธานาธิบดี แอร์โดอัน พยายามนำหลักการอิสลามเข้าสู่การเมืองกระแสหลักของตุรกีมาตลอด 17 ปีที่เป็นผู้นำรัฐบาล เขาเคยเสนอมานานแล้วให้เปลี่ยนอาคารยุคศตวรรษที่ 6 แห่งนี้กลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้ง หลังจากถูก อตาเติร์ก ซึ่งเป็นอดีตผู้นำตุรกีที่นิยมแนวทางโลกวิสัยประกาศให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1935

“ด้วยคำพิพากษาของศาลและมาตรการต่างๆ ที่เราจะดำเนินการตามคำสั่งนี้ ฮาเกีย โซเฟีย จะกลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้งในรอบ 86 ปี ตามแนวทางที่สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ผู้พิชิตอิสตันบูลปรารถนา” แอร์โดอัน กล่าว

“เช่นเดียวกับมัสยิดทั้งหลาย ประตูของ ฮาเกีย โซเฟีย จะยังเปิดต้อนรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่นหรือชาวต่างชาติ มุสลิมหรือผู้ที่นับถือศาสนาอื่นก็ตาม”

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้ตุรกีคงสถานะความเป็นพิพิธภัณฑ์ของอาคารหลังนี้ไว้ และล่าสุดได้ออกมาแสดงความ “ผิดหวัง” แต่ก็ยังรอฟังว่ารัฐบาล แอร์โดอัน จะมีแผนดำเนินการอย่างไรที่จะให้ ฮาเกีย โซเฟีย ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

สมาคมซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตียื่นฟ้องศาลเพื่อขอเปลี่ยน ฮาเกีย โซเฟีย กลับไปเป็นมัสยิดอ้างว่า อาคารหลังนี้เป็นทรัพย์สินของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ซึ่งพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในปี 1453 และทรงเปลี่ยนโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์อายุ 900 ปีในขณะนั้นให้กลายเป็นศาสนสถานของชาวมุสลิม

ผู้ปกครองจักรวรรดิออตโตมันได้สร้างหอสูงยอดแหลม (minarets) ขึ้นที่ด้านข้างอาคารที่มีหลังคารูปโดม ส่วนภายในก็ตบแต่งด้วยข้อความภาษาอาหรับที่สื่อถึงพระนามของพระผู้เป็นเจ้า, ศาสดามูฮัมหมัด และบรรดาคอลีฟะห์ (กาหลิบ) ผู้ปกครองชาวมุสลิมในอดีต ซึ่งต่อมาหลังจากที่อาคารหลังนี้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์แล้วก็ได้มีการค้นพบกระเบื้องโมเสกทองคำและสัญลักษณ์ทางคริสตศาสนาต่างๆ ที่พวกออตโตมันได้ปกปิดเอาไว้


Let's block ads! (Why?)



"เป็น" - Google News
July 11, 2020 at 12:10PM
https://ift.tt/2ZieUaL

ตุรกีประกาศเปลี่ยน 'ฮาเกีย โซเฟีย' กลับไปเป็น 'มัสยิด' อีกครั้ง - ผู้จัดการออนไลน์
"เป็น" - Google News
https://ift.tt/3eIAhHj
Home To Blog

No comments:

Post a Comment