Pages

Wednesday, September 2, 2020

Mercedes-Benz S-Class 2020 (W223) ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว - Top Gear Thailand

santalimadua.blogspot.com

โดยปกติแล้วข่าวประชาสัมพันธ์รถเปิดตัวใหม่มักมีความยาวประมาณ 2-3 พันคำ ยิ่งรถมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้นเท่าไหร่ ความยาวของข่าวก็มากขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

แต่สำหรับ Mercedes-Benz S-Class 2020 (W223) ใหม่ มันยาวและซับซ้อนยิ่งกว่านั้นอีก นั่นส่งผลให้ข่าวประชาสัมพันธ์มีความยาวถึง 83 หน้า หรือจำนวนทั้งสิ้น 31,602 คำ แม้แต่หนังสือ Charlie and the Chocolate Factory ของ Roald Dahl ยังมีความยาวเพียง 30,644 คำเท่านั้น หรือจะเรียกได้ว่ามันคือหนังสือดีๆ เล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้

ถึงกระนั้น S-Class ใหม่ ก็คือรถยนต์ที่ก้าวล้ำที่สุดของเมอเซเดส-เบนซ์ และยังเป็นรถยนต์ระดับหรูขายดีที่สุดในโลกอีกด้วย เพราะถือเป็นรถระดับแฟลกชิปที่รวมเอาที่สุดของเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งอาจเป็นเทคโนโลยีที่จะไปอยู่ใน Ford Focus ในอีก 5 ปีข้างหน้า

แต่น่าเสียดายที่อังกฤษไม่ใช่ตลาดหลักของ S-Class ดังนั้น เทคโนโลยีใหม่ๆ บางอย่างจึงอาจไม่ได้นำเข้ามาจำหน่ายที่นี่เร็วๆ นี้ เช่น ระบบเลี้ยวล้อหลัง (ที่ช่วยให้ S-Class มีวงเลี้ยวแคบเพียง 1.9 เมตร) และระบบ E Active Body Control ที่อ้างว่าเป็นช่วงล่างที่ฉลาดที่สุดในโลก สามารถควบคุมอาการโคลงทั้งแกน Pitch และ Roll โดยจะสแกนหาพื้นผิวขรุขระด้านหน้า และปรับการทำงานของช่วงล่างแต่ละข้างด้วยความเร็วถึง 1 พันครั้งต่อวินาที

ในตลาดอังกฤษยังไม่มีฟังก์ชัน Interior Assist ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX ซึ่งใช้กล้องในการตรวจจับผู้โดยสารและคาดเดาว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร ก่อนจะทำสิ่งนั้นให้โดยอัตโนมัติ เช่น ม่านบังแดดหลังจะเปิดออกเมื่อหันไปมองทางด้านหลัง หรือหากคุณเอื้อมมือไปหยิบของบนเบาะหลังตอนกลางคืน ไฟในห้องโดยสารก็จะเปิดให้คุณโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ตลาดอังกฤษยังได้จอเพียง 3 จอ จากจำนวนทั้งหมด 5 จอ เนื่องจากสเปกอังกฤษจะไม่สามารถเลือกติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังได้ แถมยังไม่มีถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หรือเครื่องเสียง Burmester ที่มีลำโพงถึง 30 จุด ทำไมเราถึงไม่ได้ของพวกนี้กันล่ะเมอเซเดส-เบนซ์?

ส่วนระบบ Drive Pilot ก็ไม่มีมาให้เช่นกัน แต่นั่นรวมไปถึงประเทศอื่นๆ ด้วย เนื่องจากเมอเซเดส-เบนซ์คาดว่าฟังก์ชันดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้ใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในช่วงกลางปี 2021 นี้ โดยระบบที่ว่าก็คือระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ “Level 3” ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือออกจากพวงมาลัยบนถนนหลวงที่มีเกาะกลางแบ่งแยกอย่างชัดเจนด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. อีกทั้งยังสามารถละสายตาจากถนนได้อย่างปลอดภัย แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเข้าควบคุมภายใน 10 วินาทีหลังจากที่รถเริ่มส่งสัญญาณเตือน

Mercedes-Benz S-Class ใหม่ ยังสามารถขับรถไปหาที่จอดด้วยตัวเองได้ เพียงแต่กฎหมายยังไม่เอื้ออำนวยในขณะนี้ ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถปล่อยคุณลงที่หน้าทางเข้าอาคาร จากนั้นรถจะขับเคลื่อนไปหาที่จอดโดยอัตโนมัติ ก่อนจะกลับมารับคุณอีกครั้งหลังจากคุณเสร็จธุระแล้ว

ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเราจะได้ไฟหน้า Digital Light ด้วยหรือไม่ ซึ่งใช้กระจกขนาดจิ๋วนับล้าน (เป็นล้านจริงๆ) เพื่อฉายไฟให้เป็นรูปสัญลักษณ์หรือเส้นแนะนำการขับขี่ลงบนถนนเบื้องหน้า

แล้วพวกเราชาวอังกฤษจะได้อะไรบ้าง? ระบบ HUD แบบเสมือนจริง, ชุดมาตรวัดที่สามารถตรวจจับสายตาและสร้างเอฟเฟ็กต์แบบ 3 มิติขึ้นมา, เทคโนโลยี LED สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่แทนปุ่มทั่วไป, หน้าจออินโฟเทนเมนท์ MBUX แบบ OLED แนวตั้งขนาด 12.8 นิ้ว เป็นต้น แม้ว่าเราจะพลาดเทคโนโลยีหลายอย่างไป แต่มั่นใจได้ว่า S-Class ใหม่ จะยังคงเป็นรถที่นุ่มนวล นั่งสบาย และฉลาดล้ำอย่างที่เคยเป็นมา

ตัวถังภายนอกยังมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมในทุกมิติ จึงมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางยิ่งขึ้น แต่การใช้โครงสร้างทำจากวัสดุอะลูมิเนียมช่วยรักษาน้ำหนักให้เบาเช่นเดิม แม้ว่าดีไซน์ด้านหน้าจะมีขนาดใหญ่โต แต่ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.22 ทำให้รถคันนี้กลายเป็นรถที่มีแอโรไดนามิกดีที่สุดรุ่นหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิงและมีห้องโดยสารที่เงียบขึ้นกว่าเดิม

ด้านขุมพลังน่ะหรือ? ในตลาดอังกฤษมีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือก 2 รุ่น และเบนซินอีก 1 รุ่น เริ่มตั้งแต่ 282 แรงม้า (BHP) ในรุ่น S350d, 325 แรงม้าในรุ่น S400d และ 429 แรงม้าในรุ่น S500 โดยทั้งหมดเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในรุ่นเบนซินและดีเซล (เฉพาะ S400d) เสริมด้วยระบบไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์ในรุ่นเบนซินที่มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.9 วินาที ขณะที่ S350d และ S400d มีอัตราเร่ง 6.4 วินาที และ 5.4 วินาทีตามลำดับ

ส่วนเครื่องยนต์บล็อกอื่นๆ ที่จะตามมาในภายหลังประกอบด้วย ไฮบริด, V8 และ AMG โดย S400d จะมีให้เลือกเฉพาะฐานล้อยาวเท่านั้น ส่วน S350d และ S500 มีให้เลือกทั้งฐานล้อปกติและฐานล้อยาว

Mercedes-Benz S-Class (W223) จะเริ่มวางจำหน่ายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนจะทยอยส่งมอบในช่วงปลายปี 2020 ส่วนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 78,000 ปอนด์ หรือประมาณ 3.3 ล้านบาท

Let's block ads! (Why?)



"เป็น" - Google News
September 03, 2020 at 02:58AM
https://ift.tt/3jCQUXh

Mercedes-Benz S-Class 2020 (W223) ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว - Top Gear Thailand
"เป็น" - Google News
https://ift.tt/3eIAhHj
Home To Blog

No comments:

Post a Comment